[Startup CTO ตอนที่ 2] –Tech Startup Culture จ๊าบๆ และเรื่องราวของ Wongnai

จากตอนที่แล้วเรื่อง [Startup CTO ตอนที่ 1] – CTO คืออะไร? Startup ดียังไงในแง่มุม Programmer? ได้รับผลตอบรับค่อนข้างดี แต่สำหรับผมการเขียน Program ก็ยังง่ายกว่าเขียน blog ประมาณ 4 เท่า ยังไงก็จะลองปรับปรุงและทำ skill การเขียนให้ดีขึ้นเรื่อยๆ นะครับ โดย Series นี้ผมจะให้ CTO แต่ละบริษัท (หรือบางกรณี CTO ก็เป็น CEO ด้วย) มาเล่าเรื่องที่น่าสนใจของบริษัทตัวเองในแง่ที่ Programmer น่าจะสนใจ วันนี้เราเลยมาเริ่มต้นที่เรื่องราวของบริษัท Wongnai หรือบริษัทวงใน มีเดีย จำกัด

Wongnai คือใคร? ทำอะไร?

Wongnai ขอ copy บทสัมภาษณ์จาก Blognone เลยละกันครับ

"เราทั้งสี่คน ยอด ชินสุภัคกุล (CEO), ภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ (CTO), ศุภฤทธิ์ กฤตยาเกียรณ์ (Software Architect), วรวีร์ สัตยวินิจ (Development Manager) เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนกันสมัยเรียนวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเลยรู้จักกันมาก่อนครับ หลังเรียนจบแล้วทั้งสี่คนก็แยกย้ายกันไปทำงานประจำอยู่ช่วงหนึ่ง ยอด (CEO) ได้ไปเรียนต่อ MBA ในสหรัฐฯ ได้พบบริการอย่าง Yelp และใช้อยู่เป็นประจำ พอช่วงเบรกได้กลับมาเยี่ยมเมืองไทย แล้วพบว่าไม่มีบริการแบบเดียวกัน เวลาไปเที่ยวอย่างพัทยาก็ยังหาร้านอาหารที่น่าสนใจยาก การบอกทางก็ทำได้ลำบาก จึงได้ชักชวนเพื่อนๆ มาร่วมกันทำบริการแบบนี้ในเมืองไทย" -- ที่มา  Blognone

โดยข้อมูลอื่นๆ สามารถดูได้จากบทสัมภาษณ์ที่ Blognone และ Droidsans ละกันครับ ผมไม่อยากกล่าวซ้ำหรือมาเรียบเรียงใหม่ทำ link เฉยๆ ดีกว่า

แต่ส่วนที่เน้นคือประโยคที่ยกมาด้านบนนั่นแหล่ะครับ โดยจากที่เห็นคือทั้งทีมผู้ก่อตั้งมาจากสายงาน Programmer ทั้งนั้น และส่วนใหญ่ยังคงทำหน้าที่สาย Development กันอยู่ (CTO, Software Architect, Development Manager) นับได้ว่าทีมนี้มีความรักในการ Develop จริงๆ นับว่าเป็นหนึ่งใน Startup ที่ก่อกำเนิดจาก Technical background จริงๆ โดยเรื่องพวกนี้สามารถเห็นได้ตั้งแต่งาน Code Mania 01 (ดู Video ย้อนหลังที่ Link นี้) ซึ่งมีอาจารย์ที่ภาคคอมวิศวะจุฬาของผมแชร์ ทางพี่ยอด (CEO) เลยถามหา Sponsor ซึ่งตอนนั้นผมก็เลยทักไปทาง facebook และคุยต่อเนื่องจน Wongnai ก็ได้ Sponsor งานของเราในครั้งนั้น แล้วหลังจากนั้นผมก็เห็นทาง CTO พี่บอยวงในใส่เสื้อยืด Wongnai ไปปรากฎตัวตามงานต่างๆ ของสมาคมฯ เราอยู่เรื่อยๆ นับได้ว่า Wongnai เป็นบริษัทนึงที่เห็นความสำคัญของ Programmer เป็นอย่างดีและพร้อมจะสนับสนุน Programmer ให้ได้รับความรู้ และประสบการณ์ที่หลากหลายจริงๆ (หลังจากนั้นผมได้มีโอกาสไปพูดคุยกับพี่ยอดและพี่บอยที่ Office Wongnai เลยมั่นใจในแนวทางว่าบริษัทนี้ค่อนข้างเหมาะกับชาว Programmer อย่างเราๆ จริงๆ ครับ)

จนเมื่อสัปดาห์ที่แล้วผมเกิด idea อยากให้ CTO บริษัทต่างๆ มาแชร์เรื่องราวที่ Programmer น่าจะสนใจเลยขอความร่วมมือไปยังพี่บอยให้ช่วยแนะนำบริษัทในแง่มุมที่ Programmer น่าจะสนใจ รวมถึง Technology หรืองานจ๊าบๆ ที่ Programmer จะสนใจกัน ทางพี่บอยก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี ถึงกับเขียน Blog ขึ้นมาให้ผมเอาข้อมูลไปใช้เลยทีเดียว (Blog ยังไม่ Publish แต่ผมขอหยิบบางส่วนมาแชร์ก่อน ถ้า Publish แล้วจะใส่ Link ให้นะครับ)

"พี่บอย ภัทราวุธ ซื่อสัตยาศิลป์ CTO วงใน"

12200500_10153359416508043_1038445882_n

 

Culture จ๊าบๆ ของบริษัท Startup ที่น่าจะถูกใจ Programmer

อันนี้แทรกเล่นๆ ไม่เกี่ยวกับ Wongnai นะครับ แต่เผื่อใครมาอ่านจะอาจจะไป Adapt กับองค์กรท่านได้

** ที่มา Quora

facebook - "Facebook's Hack Month"

  • เมื่อพนักงานทำงานได้ระยะหนึ่ง (ส่วนใหญ่จะราวๆ 1 ปี) ทาง facebook จะให้เวลาพนักงาน 1 เดือนเพื่อไปทำ Project กับทีมอื่นๆ โดยถ้าทำเสร็จแล้วชอบใจก็จะสามารถไปอยู่ทีมนั้นได้เลยหรือถ้าอยากเปลี่ยนทีมก็สามารถเลือกทีมใหม่เผื่อไปลองใหม่ๆได้เรื่อยๆ
  • ข้อดีคือพนักงานสามารถได้รับประสบการณ์ใหม่ๆ จากทีมอื่นๆ ในส่วนอื่นๆ
  • สนใจอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

Dropbox - "Dropbox's Hack Week"

  • ให้เวลาพนักงาน 1 อาทิตย์ไม่ต้องทำอะไรเลย เพื่อที่จะทำ feature ใหม่ๆ หรือ product  ใหม่ๆ
  • สนใจดูรายละเอียดได้ที่ video

LinkedIn - "LinkedIn's Food Truck Fridays"

  • เอารถบรรทุกขายอาหารมาที่ Office โดยจะมีรถมากมายหลากหลายอาหารให้พนักงานเลือกกินฟรี และเกมส์หรือการแข่งขันให้พนักงานไปร่วมสนุกอีกด้วย

VMware - "VMware's Giving Program"

  • เมื่อทำงานครบ 4, 6, 8 หรือ 12 ปีแล้ว พนักงานจะได้เงินจำนวนหนึ่งเพื่อเลือกได้ว่าสามารถนำไปบริจาคให้องค์กรใดๆ ก็ได้เช่น ถ้าถึง 12 ปีจะได้ 12,000 USD  (ถึงจุดนี้หลายคนอาจจะคิดว่ามี Option ให้เอาเงินตัวเองได้ไม๊....)

ที่เหลือลองอ่านเพิ่มเติมกันเองนะครับ

 

Team Dev ของวงในต้องทำอะไรบ้าง ?

กลับมาเรื่องวงในต่อ อย่างที่หลายๆ คนอาจจะคิดว่า Wongnai เป็น Web หรือ App เพื่อดูร้านอาหาร Review ร้านอาหาร ดังนั้นอาจจะมี Programmer สักนิดๆหน่อยๆก็พอ เพราะตอนนีี้ก็พัฒนาเสร็จแล้วน่าจะพอแล้วจะมีอะไรให้ต้อง Code อีก? แต่ว่าเรื่องจริงสำหรับ IT Product นั้นต้องมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลาครับ เพราะธุรกิจนี้คนมา Copy ได้ไม่ยาก แต่ว่าผู้พัฒนา Product ต้องทำสิ่งต่างๆ เรื่อยๆ เพิ่ม Feature ที่ลูกค้าต้องการเรื่อยๆ ไม่งั้นก็จะเหมือน Hi5, Yahoo, Socialcam ที่ท้ายสุดก็โดนแย่งส่วนแบ่งการตลาดไปรวมไปถึงมีบางรายต้องปิดบริษัทเลยทีเดียว ทางพี่บอยเลยพยายามอธิบายงานต่างๆ ที่มีให้ทีม Dev ทำกันต่อไป ผมเลยขอเอามาสรุปคร่าวๆ ราวๆ นี้นะครับ

ลักษณะของเว็บวงใน

แตกต่างจากเว็บดังๆ ของไทยบางเจ้า ที่อาจจะมีแค่ 1 ประเภทเท่านั้น โดย Wongnai สามารถ แบ่งได้ Function เป็น 4 ประเภทหลักๆ ดังนี้

  • Location-based service - เช่น หาร้านอาหารรอบๆ ตัวเอง
  • User-Generated Content Website - แนวๆ ข้อมูลต่างๆ ที่เกิดจาก User เช่น Review
  • Social Network - ตรงตัวไปมา
  • Search Engine - ค้นหาร้านอาหาร

Feature ต่างๆ ที่ยังต้องพัฒนาเพิ่มเติม

อันนี้ผมขอแบ่งหมวดตามการจัดของผมเองละกันครับ โดยทุกๆ บทความอาจจะแบ่ง Feature ตามหัวข้อดังนี้ไปเลย

1) ส่วนความถูกต้องของข้อมูลที่ได้เวลามี Input ใดๆ (ส่วน Input)

หรือพูดง่ายๆ คือการจัดการสิ่งที่ป้อนเข้ามาในระบบ เพื่อให้สามารถนำข้อมูลนั้นๆ ไปทำงานอื่นๆ เพิ่มเติมต่อได้ โดยของวงในมี function ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อนี้ ดังนี้

1.1) Search - ตัวอย่างที่เราเห็นได้ชัดจาก Google หรือเว็บ Social ทั้งหมดที่มีกล่อง Search โดยผู้ใช้งานต้องการหาอะไรซักอย่างนั้นแหล่ะ โดยคาดหวังว่าจะได้ผลลัพท์ที่ตรงกับความต้องการ โดยถ้า Search แล้วไม่ตรงซัก 2-3 ครั้งก็อาจจะโมโห หงุดหงิด ไม่ใช้งานอีกก็ได้ ดังนั้นระบบต้องรู้เลยว่า "สิ่งที่ป้อนเข้าไป" มีความหมายว่าอะไรโยสิ่งที่วงในต้องการทำ ได้แก่

  • การรู้ว่า Keyword เป็นประเภทอะไร (ร้านอาหาร, ร้านในจังหวัด, ประเภทร้านอาหาร)- อันนี้ค่อนข้างยาก เพราะถ้าจะให้ฉลาดๆ ต้องใส่พวก Machine Learning เข้าไปด้วย ตัวอย่างเช่น พิมพ์ “บ้านไอซ์” น่าจะอยากค้นหาร้านที่ชื่อว่า บ้านไอซ์ (คือต้องการค้นชื่อร้าน), พิมพ์ “ภูเก็ต” น่าจะหมายถึงค้นหาร้านในภูเก็ต ไม่ใช่ค้นหาร้านที่ชื่อภูเก็ต (คือต้องการค้นสถานที่ร้าน), พิมพ์ “ซีฟู้ด” น่าจะหมายถึงค้นหาร้านอาหารทะเล (คือต้องการค้นประเภทร้าน)
  • การทำ Keyword ให้แม่นยำให้รู้ว่าการพิมพ์หลายๆ แบบ ท้ายสุดจะถูก map ไปยัง Keyword ใด- เช่น ง่ายๆ เลยคือ จากตัวอย่างข้างบน คนสามารถพิมพ์ "บ้านไอซ์" ได้เป็น "บ้านไอส์" "บ้าน ice" หรือถ้าชอบภาษาอังกฤษเยอะๆ หน่อยก็อาจจะใช้ "Baan Ice" แถมไอ้คำว่า Baan ก็สะกดได้หลายแบบอีก แค่คิดก็ปวดหัวไม่อยากทำไรต่อละครับ (จริงๆ อันนี้มีพวก Opensource บางอย่างมาตอบโจทย์ เช่นที่ผมเคยเล่นกับ Component Spell Check ของ Solr ก็ค่อนข้าง OK เลย)
  • Autocomplete หรือ Search Suggestion - เวลาพิมพ์แล้วจะขึ้นมาให้เลือกเลยว่าเราต้องการอะไร เห็นง่ายๆ ก็เช่นพิมพ์ "บ้านไ" ก็ขึ้น "บ้านไอซ์" เป็นหนึ่งใน Option ให้เลือก เลย

2) ส่วนแสดงผลสิ่งที่เหมาะสมที่สุด เพื่อให้คนสนใจใน Content นั้นๆ (ส่วน Output)

ยกตัวอย่าง ก็ Timeline ของ facebook ที่จะเลือกสิ่งที่เราสนใจมากที่สุดเพื่อแสดงผลในหน้านั้นๆ โดยถ้า algolithm นี้ไม่ดีพอผู้ใช้งานอาจจะเซ็งที่ได้รับรู้สิ่งที่ไม่ตรงกับความสนใจของเรา โดยทาง Wongnai ก็ค่อนข้างเน้นเรื่องนี้เช่นกันดังที่จะเห็นได้จากเรื่องเหล่านี้

2.1) ดูร้าน "ใกล้" - ดังที่พี่บอยพิมพ์ไว้ใน Blog ว่าการที่ผู้ใช้ค้นหา “ร้านใกล้ตัว” จริงๆ แล้วถ้าให้ถูกต้อง ต้องบอกว่าผู้ใช้กำลังหา “ร้านดีๆ ใกล้ตัว” มากกว่า หรือในมุมมองที่ผมเสริมเข้าไปได้ คืออาจจะเป็นร้านประเภทที่ผมชอบ (ของหวาน, อาหารญี่ปุ่น) ที่อยู่ใกล้ๆ ด้วย โดยอาจจะดูประวัติจากอดีตว่าผมชอบ Bookmark หรือไป Review ร้านอาหารประเภทใดบ้าง รวมถึงอีกประเด็นนึงคือใกล้จะมีเรื่องการเดินทางมาเกี่ยวข้องด้วย เช่น "ถ้าเรายืนอยู่แถวสยามสแควร์ ร้านที่อยู่แถวชิดลม ก็คงไม่เรียกว่าใกล้" "ถ้าเราอยู่ต่างจังหวัด คำว่าร้านใกล้ ก็อาจจะเป็น ร้านที่อยู่ห่างออกไปซัก 5 กิโลเมตร "

2.2)  ส่วนจัดลำดับการแสดงผล - คือการเลือกร้านที่ผู้ใช้สนใจขึ้นมาแสดงก่อนโดยสิ่งที่ต้องคำนึงถึงได้แก่

  • ปัจจัยอะไรบ้างที่จะนำมาเป็นตัวคิดคะแนนให้กับร้านค้า แล้วต้องช่างน้ำหนักกันยังไงบ้าง
  • ร้านที่รีวิวเยอะดาวเยอะ แต่ว่าไม่ฮิตแล้ว ควรจะอันดับดีเหมือนเดิมตลอดกาลมั้ย
  • ร้านหรูๆ ราคาแพงๆ โอกาสที่จะเป็นร้านที่คุณภาพดีค่อนข้างมาก แต่โดยธรรมชาติแล้ว ร้านประเภทนี้ก็มักจะมีรีวิวน้อยเป็นเรื่องปกติ เพราะคนไปกินน้อย ทำยังไงให้ร้านที่รีวิวน้อยแต่ดาวดี มีโอกาสออกสู่สายตาผู้ใช้
  • คำนวณอันดับของร้านตามแกนต่างๆ อีกเช่น "คำนวณอันดับของร้านในหมวดเดียวกัน", "คำนวณอันดับของร้านในพื้นที่เดียวกัน (จังหวัดเดียวกัน)"

2.3) Feed - เป็นสิ่งที่ Social Network ต้องเจอเหมือนๆ กันคือการเลือก Content ยังไงให้น่าสนใจที่สุด และจะจัดเก็บและ Query ข้อมูลที่มีมากมายมหาศาลยังไงให้ไม่กระทบกับเรื่อง Performance เช่น

"สมมติ User ชื่อ A มี Follower จำนวน 50,000 คน เมื่อ User A โพสอะไรก็ตามออกมา สิ่งที่เกิดขึ้นคือ จะต้องมีการเพิ่ม row ใน database อย่างน้อย 50,000 แถว  ถ้า User คนนี้โพสทีเดียว 10 รูปรวด แสดงว่าจะต้องเพิ่มทีเดียว 500,000 แถว"

3) ส่วนกระบวนการเพื่อให้ได้ Input หรือ Output นั้นๆ

หมายถึงกระบวนการต่างๆ ที่ต้องมีในระบบงานเพื่อ Support ให้เกิด Input หรือ Output นั้นๆ โดย Wongnai มีองค์ประกอบเหล่านี้

3.1) นำ User Data มาใช้งาน เช่น ถ้า User เคยทานอาหารประเภทซูชิ ก็ควรเลือกร้านซูชิมาก่อน หรือ ถ้า User เคย Bookmark ร้านไหน หรือร้านประเภทใดๆ ก็นำร้านนั้นๆ มาขึ้นก่อน หรืออาจจะร้านในหมวดที่ User สนใจมาขึ้นก่อน

3.2) Performance -เมื่อใดก็ตามที่มี Output ออกมา Output นั้นๆ ต้องมีประสิทธิภาพที่ดีด้วย (เร็ว) ทั้งส่วนที่เป็น Web และ Mobile โดยที่ Wongnai ใช้คือการ caching เช่นการ caching การค้นหาตาม keyword ซึ่งอาจจะทำง่ายหน่อย แต่บางอย่างอาจจะ cache ยาก เช่นการค้นหาตาม latitude, longitude  ดังนั้นก็ต้องคิดวิธี optimize การค้นหาร้านรอบตัวที่ดีขึ้นเรื่อยๆ หรือใช้เทคนิคอื่นๆ มาเสริมเพิ่มเติมอยู่เรื่อยๆ ทั้งในด้าน Code และ Infrastructure

3.3) Big Data - ข้อมูลที่ Wongnai มีได้แก่ Geo-tagged, Profile ที่เกิดจาก Action ต่างๆ ของ user เช่น โพสรีวิว, โพสรูป, เช็คอิน, bookmark ร้าน, กด Like, คอมเม้นท์ ข้อแตกต่างของข้อมูลพวกนี้กับข้อมูลของเว็บอื่นๆ คือเป็น individual-centered มากกว่าจะเป็น group-centered อย่างเว็บบอร์ด

4) ส่วนอื่นๆ

4.1) ระบบ e-Voucher - อันนี้ผมก็พึ่งไปใช้มาในการกินร้าน Sushi Den มา นับว่าค่อนข้างสะดวกสบายทีเดียว จ่ายผ่าน Line Pay ลดเพิ่ม 10% รวมทั้งได้ตุ๊กตาแถมมาด้วย พอไปใช้งานที่ร้านก็แค่แสดงหน้าบนมือถือให้ทางร้าน Stamp ก็จบ

4.2) Mobile App - เพื่อรองรับ OS ใหม่ๆ ที่ออกมาเรื่อยๆ รวมถึงการปรับหน้าตาให้ทันสมัยขึ้นเรื่อยๆ โดยผมย้อนกลับไปดู Mobile App ของวงในสมัยออกมาใหม่ๆ กับตอนนี้ถือว่าต่างกันมากๆๆ เลยทีเดียว นับว่าปรับตามสมัยนิยมไปเรื่อยๆ

สนใจร่วมงาน?

ท้ายสุดวงในยังเปิดรับสมัครพนักงานอยู่เป็นจำนวนมากนะครับ ใครสนใจดูรายละเอียดและการติดต่อได้ที่นี่

เพิ่มเติมเรื่อง Startup อื่นๆ

สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทยได้เป็นพันธมิตรกับ Techsauce http://techsauce.co/ เพื่อส่งเสริมให้ Programmer ตระหนักในธุรกิจของ Tech Startup และเข้าใจในแง่มุมอื่นๆ นอกจาก Technical อย่างเดียวมากขึ้น เลยได้ส่วนลดสำหรับงาน Start it Up Conference ด้วยส่วนลด 35% เลยทีเดียว โดยสามารถใช้ Code ได้ตามนี้เลย
Code: TPA35
URL สำหรับลงทะเบียน : http://www.techsauce.co/startitup/
ข้อดีของงาน : http://techsauce.co/news/start-it-up-conference-2015/
ข้อดีของงานในแง่ Programmer :
1. เนื่อหามากมายที่เป็นด้านของ Non-Technical ที่ตจำเป็นสำหรับสายงาน Programmer
2. มีการ Pitching ทำให้เข้าใจแง่มุมในการนำเสนอของ Start up ซึ่งการนำเสนอแนวนี้สามารถนำไปปรับใช้ได้กับทุกๆ การนำเสนอ
3. ความรู้ด้านธุรกิจ เพื่อสามารถต่อยอดการทำเงินนอกเหนือไปจากสายงาน Programmer ได้
4. Workshop ที่เน้น Content ด้าน Programmer ได้แก่
– IOT โดย makerzoo และ ibm – เนื่องด้วยความมาแรงของ IOTเราควรจะรู้ว่ามันคืออะไร และทำอะไรได้บ้าง
– Skyscanner และ Discovery to Monetization ของ vmax – เพื่อศึกษาว่าบริษัทต่างๆ มีตัวอย่าง API หรือ SDK อะไรที่สามารถนำไปใช้งานต่อได้ โดยส่วนใหญ่ถ้าเราเรียนรู้ทั้งการออกแบบ API หรือการจัดเก็บข้อมูลต่างๆ จากบริษัทหลายๆ รูปแบบ จะทำให้เราสามารถนำไปคิดออกแบบ API ได้เองในอนาคต

อย่าลืมเข้า Group เราด้วยนะครับ https://www.facebook.com/profile.php?id=240703846140892

ติดตามเรื่องราวแนว Startup CTO และการเป็นมากกว่า Programmer ได้ที่ Blog ผมนะครับ http://startupcto.net/


Leave a comment!

You must be logged in to post a comment.