หมวดที่ ๑ ความทั่วไป
ข้อ ๑. สมาคมนี้มีชื่อว่า สมาคมโปรแกรมเมอร์ไทย ย่อว่า สปท. เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า Thai Programmer Association ย่อว่า TPA
ข้อ ๒. เครื่องหมายของสมาคมมีลักษณะเป็นรูป คนจับมือกันในลักษณะล้อมเป็นวงกลม และประกอบด้วย อักษรย่อและชื่อเต็มของสมาคม มีความหมายว่า คน หมายถึง กลุ่มนักพัฒนา Open Source ลักษณะการแสดงออกโดยการจับมือกัน หมายถึง ความร่วมมือร่วมใจรวมพลังสร้างสรรค์สิ่งใหม่ การจับมือกันที่เป็นวงกลม หมายถึง การที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา และองค์ประกอบของสัญลักษณ์จะมีชื่ออักษรย่อของสมาคม OSEDA เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งความหมายโดยรวมนั้นหมายถึง ความร่วมมือของนักพัฒนา Open Source ที่มุ่งมั่นสร้างสรรค์พัฒนาสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลาเหมือนการเปลี่ยนแปลงของโลกที่เกิดขึ้นตลอดเวลาเช่นกัน.
รูปของเครื่องหมายสมาคม
ข้อ ๓. สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ CP Tower 2, ชั้น 4, ถนนรัชดาภิเษก 5, ดินแดง กรุงเทพ, 10400
ข้อ ๔. วัตถุประสงค์ของสมาคม เพื่อ
ข้อ ๕. สมาชิกของสมาคมมี ๔ ประเภท คือ
ข้อ ๖. สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
ข้อ ๗. หน้าที่และสิทธิของสมาชิก
ข้อ ๘. ผู้ประสงค์สมัครเป็นสมาชิก ให้ยื่นใบสมัครตามแบบของสมาคมต่อเลขาธิการ เมื่อเลขาธิการได้รับใบสมัครแล้ว ให้ตรวจสอบคุณสมบัติ และความถูกต้องก่อนเสนอต่อคณะกรรมการบริหารพิจารณาในการประชุมคราวต่อไป หากเลขาธิการเห็นว่าไม่สมควรรับผู้ใดเข้าเป็นสมาชิก ให้แจ้งให้ผู้นั้นทราบโดยไม่ชักช้า และให้ผู้นั้นมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อนายกสมาคมภายในกำหนดเวลา ๑๕ (สิบห้า) วัน นับแต่วันที่ได้รับคำปฏิเสธ และให้นายกสมาคมนำเรื่องเข้าหารือในการประชุมคณะกรรมการบริหารในคราวต่อไป
ข้อ ๙. ถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้รับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก ก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงสมาคมให้เสร็จภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขานุการ และสมาชิกภาพของผู้สมัคร ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคมเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงภายในกำหนด ก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก
ข้อ ๑๐. สมาชิกภาพสิ้นสุดลงเมื่อ
ข้อ ๑๑. สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของสมาคม ได้มาถึงยังสมาคม
ข้อ ๑๒. ให้มีกรรมการบริหารคณะหนึ่งจำนวนไม่น้อยกว่า เจ็ดคน แต่ไม่เกิน สิบห้าคน ประกอบด้วย นายกสมาคม คนหนึ่ง อุปนายกสมาคมจำนวนตามความจำเป็น เลขาธิการ เหรัญญิก และนายทะเบียน ตำแหน่งละ หนึ่งคน กับกรรมการเจ้าหน้าที่อื่นตามที่เห็นสมควร
ข้อ ๑๓. กรรมการบริหารพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
ข้อ ๑๔. คณะกรรมการบริหารมีหน้าที่และอำนาจดังต่อไปนี้
ข้อ ๑๕. กรรมการบริหารอยู่ในตำแหน่งสมัยละ ๒ ปี เริ่มต้นและสิ้นสุดในวันประชุมใหญ่สามัญประจำปีในระหว่างที่คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ยังไม่ได้รับตำแหน่งให้คณะกรรมการบริหารชุดเดิมปฏิบัติหน้าที่อันเป็นปกติไปพลางก่อน
ข้อ ๑๖. คณะกรรมการบริหารต้องประชุมอย่างน้อยเดือนละหนึ่งครั้ง ในการประชุมต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่า กึ่งหนึ่ง ของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงถือเป็นองค์ประชุม ให้นายกสมาคมเป็นประธานในที่ประชุม ถ้านายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อุปนายกสมาคมเป็นประธานที่ประชุม และถ้าอุปนายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ที่ประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
ข้อ ๑๗. นายกสมาคม เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก
ข้อ ๑๘. เงินรายได้ทั้งหมดของสมาคมให้ฝากไว้ที่ธนาคารที่มีความมั่นคง หรือซื้อตราสารทางการเงินที่ออกหรือรับรองโดยรัฐบาล ทั้งนี้ ให้เป็นไปตามมติของคณะกรรมการบริหาร การเบิกจ่ายเงินของสมาคมให้นายกสมาคม อุปนายกสมาคม เลขาธิการและเหรัญญิกของสมาคม ลงลายมือชื่อร่วมกันอย่างน้อย ๓ คน และประทับตราของสมาคมเป็นสำคัญ
ข้อ ๑๙ .นายกสมาคมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ไม่เกินครั้งละ หนึ่งหมื่นบาท หรือรวมแล้วไม่เกิน สองหมื่นบาท ภายในหนึ่งเดือน หากจำเป็นต้องใช้จ่ายเงินเกินกว่านี้ ต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริหาร การอนุมัติสั่งจ่ายเงินทุกครั้งตามวรรคหนึ่ง นายกสมาคมต้องแจ้งให้คณะกรรมการบริหารทราบในการประชุมคราวถัดไป
ข้อ ๒๐. เหรัญญิกมีอำนาจสั่งจ่ายเงินได้ไม่เกินครั้งละ ห้าพันบาท หรือรวมแล้วไม่เกิน หนึ่งหมื่นบาท ภายในเวลาหนึ่งเดือน เหรัญญิกจะเก็บเงินสดไว้ได้ไม่เกิน ห้าพันบาท เหรัญญิกต้องจัดทำงบดุล แสดงฐานะการเงินของสมาคมทุกเดือนปิดแสดงไว้ ณ ที่ทำการสมาคมและต้องทำงบดุลทุกวันที่ 31 ธันวาคมเพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี
ข้อ ๒๑. นายกสมาคมและกรรมการบริหารให้เลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่สามัญประจำปี โดยที่ประชุมเลือกสมาชิกสามัญจำนวน ๕ คน ขึ้นทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการเลือกตั้งให้สมาชิกสามัญเสนอชื่อผู้ที่อยู่ ในที่ประชุมผู้สมควรดำรงตำแหน่งนายกสมาคมจากสมาชิกสามัญด้วยกันต่อคณะกรรมการเลือกตั้ง โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย ๕ คน การเลือกตั้งให้กระทำโดยให้สมาชิกสามัญลงคะแนนลับ ผู้ได้คะแนนสูงสุดเป็นผู้ได้รับเลือกเป็นนายกสมาคม ถ้าได้คะแนนเท่ากัน ให้ใช้วิธีจับฉลาก ผู้ใดจะดำรงตำแหน่งนายกสมาคมติดต่อกันเกินกว่า ๒ สมัย ไม่ได้
เมื่อที่ประชุมเลือกนายกสมาคมได้แล้ว ให้ที่ประชุมมีมติกำหนดจำนวนคณะกรรมการบริหารส่วนที่เหลือตามข้อ ๑๒ จากนั้นให้นายกสมาคมมีสิทธิเลือกสมาชิกสามัญมาเป็นคณะกรรมการบริหารได้กึ่ง หนึ่งของจำนวนคณะกรรมการบริหารที่ที่ประชุมใหญ่กำหนด การเลือกตั้ง กรรมการบริหารสมาคมตามจำนวนที่ยังเหลือจากส่วนที่นายกสมาคมได้เลือกไปแล้วนั้น ให้สมาชิกสามัญเสนอชื่อสมาชิกสามัญผู้ที่อยู่ในที่ประชุม ซึ่งตนเห็นสมควรเป็นกรรมการบริหาร โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย ๕ คน และเลือกตั้งโดยให้สมาชิกสามัญลงคะแนนลับ ผู้ได้คะแนนสูงสุดตั้งแต่อันดับหนึ่ง ถึง อันดับสุดท้ายตามจำนวนคณะกรรมการ ถือว่าเป็นผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเป็นกรรมการบริหาร ถ้าได้คะแนนเท่ากันให้ใช้วิธีจับฉลาก ผู้ได้รับคะแนนรองลงมาให้เป็นสำรอง
กรรมการและให้เลื่อนขึ้นมาเป็นกรรมการแทนเมื่อกรรมการผู้ได้รับเลือกตั้งพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ตามข้อ ๑๓ โดยให้กรรมการที่เข้ามาแทนอยู่เท่ากับวาระที่เหลือของคนที่ตนแทน กรรมการบริหารที่ไม่ใช่นายกสมาคมจะดำรงตำแหน่งติดต่อกันเกินกว่าสามสมัยไม่ได้ ให้คณะกรรมการบริหารชุดที่สิ้นสุดลงตามวาระ มอบงานให้คณะกรรมการบริหารชุดใหม่ภายในเวลา ๓๐ วันนับแต่วันที่ได้ดำเนิน การตามวรรคหนึ่งเรียบร้อยแล้ว
ข้อ ๒๒. การประชุมใหญ่ของสมาคมมีได้ 2 กรณี คือ
ข้อ ๒๓. ให้มีการประชุมใหญ่สามัญปีละหนึ่งครั้งภายในเดือนกันยายนของทุกปี เพื่อ
ข้อ ๒๔. การประชุมใหญ่วิสามัญกระทำได้เมื่อ
ข้อ ๒๕. การประชุมใหญ่ตามข้อ ๒๓ และ ๒๔ ต้องมีสมาชิกสามัญมาประชุมไม่น้อยกว่า หนึ่งในสามของจำนวนสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือจำนวนไม่น้อยกว่า ๓๐ คน จึงจะเป็นองค์ประชุม
ข้อ ๒๖. การนัดประชุมใหญ่ตามข้อ ๒๓ และ ๒๔ ให้เลขาธิการแจ้งให้สมาชิกทราบล่วงหน้าเป็นหนังสือไม่น้อยกว่า ๗ วัน และให้ปิดประกาศไว้ ณ ที่ทำการสมาคม
ข้อ ๒๗. การเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับนี้จะกระทำได้โดยมติของที่ประชุม ใหญ่และมติให้แก้ไขข้อบังคับต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า สองในสาม ของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ ๒๘. ญัตติขอเปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อบังคับต้องมาจากคณะกรรมการบริหาร หรือมาจากสามัญสมาชิกที่ได้ชำระค่าบำรุงติดต่อกันไม่ต่ำกว่า ๓ ปี จำนวนไม่น้อยกว่า ๓๐ คน โดยให้ทำเป็นหนังสือและให้เลขาธิการทำสำเนาแจกจ่ายแก่สมาชิกก่อนการประชุม ไม่น้อยกว่า ๗ วัน ให้เรียกประชุมใหญ่วิสามัญภายในกำหนด ๓๐ วัน นับแต่วันที่เลขาธิการได้รับญัตติดังกล่าว
ข้อ ๒๙. สมาคมเลิกโดย
ข้อ ๓๐. เมื่อสมาคมต้องเลิกไปไม่ว่าโดยสาเหตุใดๆ ให้ทรัพย์สินของสมาคมตกเป็นของนิติบุคคลในประเทศไทยที่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวกับการกุศลสาธารณะแห่งหนึ่งแห่งใด หรือหลายแห่งตามมติของที่ประชุมใหญ่
ข้อ ๓๑. คณะกรรมการชุดแรกให้ผู้เริ่มการจัดตั้งสมาคมเป็นผู้เลือกตั้ง ประกอบด้วย นายกสมาคม และกรรมการอื่น ๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควร ตามข้อบังคับของสมาคม
ลงชื่อ
ว่าที่ร้อยตรี อาคม ไทยเจริญ